วันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ห้องฉุกเฉินรามาธิบดี

................. วันนี้จะมาแชร์ ..................
ประสบการ์ในห้องฉุกเฉินครั้งแรกในชีวิต

 #555555555555555555555

(จะขำทำไมวะ =,,=)

เหตุเกิดจากข้าน้อย นส.กันตา
ยืนเด๋อรอรถมหาลัย ตรงคณะวิทย์ฯ พญาไท
จะไปม. ปกตินั่ง Taxi ไป เพราะตื่นไม่ทันรถม.

แต่วันนี้เกิดไรไม่รู้อยากไปรถม.
ก็ยืนรอรถปกติ ... ยืนไปยืนมาก็ วื๊บบบบบบบบบบบบ

เกิดอาการว๊าปปปปปปปปป
มาโผล่อีกที "ห้องฉุกเฉิน"

จบค่ะ !


ไม่ใช่ละ ....  = w =)'

#ขนาดขาพิการยังตลกอยู่ ถ้าขาขาดคงฮาไม่ออกของจริง



เรื่องมันไม่ได้สั้นขนาดนั้นหรอกเฟ่ยยย
เท่าที่จำได้คือ มันเริ่มวิงๆ แล้วพอจาเดินทีนี้ ล้มฮวบลงไปเลย
จากท่านผู้หวังดีที่มาช่วย นางเล่าว่า

"น้องเค้าเปนลมล้มหัวแทกพื้นลงไปเลย.... "

นี่คือสาเหตุที่นางส่งข้าน้อยมาห้องฉุกเฉินนะขอรับ
นางกลัวสมงสมองอันน้อยนิดของข้าน้อย กระทบกระเทือน

อยากจะกราบขอบคุณท่านพี่คนนั้นอย่างงาม
แบบเบญจางคประดิษฐ์ ตามด้วยท่าบูชาฟ้าดิน อย่างอลังการ   

~m[- w -]m~


คือทุกคนมาช่วยกันเยอะมาก
มีวูบนึงพยายามมีสติ...  Oh God อย่างกะดารา คนรุมเต็มเบย
แต่ไม่ใช่ไงเค้ามาหามเมิงอ่ะค่ะตาณณณณณณณณณ

#5555555555555555555

ต้องขอบคุณกระเป๋าใส่ MacBook ของฟรี ราคาแพง
ที่มันช่วยรับนน.ชั้น ไม่งั้นก้ทำหน้าใหม่อ่ะค่ะพี่น้อง (แอบเสียดายย =^=)''
ก็ถลอกนิดหน่อย ส่วนลูก Air ของช้านก็ปลอดภัย
ไม่บุบ ไม่เป็นไรเลย และ Prada สุดเลิฟๆ ก็ไร้รอยขีดข่วน

ร่างกายกูคงปกป้องกระเป๋ามากกว่าเซฟตัวเองสินะ

#ถ้าตายไปคงต้องเผาอีใบนี้ตามไปด้วยเป็นแน่แท้


เรื่องก็มีเท่านี้ และ ท่านแม่ก็ตามมาหาชั้นที่ รพ.
มือนางสั่นเบยยย นางบอกนางตกใจมาก ก่อนจะเป็นลม
ยังคุยกันดีดีอยู่เบย.....

นี่สินะ สิ่งที่เรียกว่า

"อุบัติเหตุ"

น่ากลัวจิงเบยๆ

สาเหตุ เกิดมาจาก :  หักโหมทำSenior Project มากไป +  นอนไม่พอ


โถ๊ อีหนูตาณ เกือบตายห่าแล้วมั้ยละ......
ปีนี้ชั้นควรได้รับรางวัล ออสการ์ สาขานักเรียนทองคำ 
นะเว่ยยยย



#แทนแทนแทนแทน แท่นแท๊นแทนแทนแทนแทน (Sounc Effect อลังการ)



ทุ่มเทกับงานจัด ขนาดจาไปแรดฟังพี่ตู่ ภพธร
 ก็ยังแบกงานไปนะคะ
#เป็นชะนีที่ฟิตมากกกก 55555555

PART II  The MOM : 

มากันที่แม่ของขาน้อย ท่านแม่ก็ทำเพื่อนและแฟน ชอคไปตามๆกัน
นางกังวลมาก และนางจะบอกกับทุกคนด้วยประโยคสั้นๆ
ว่า ....

" ตาณเป็นลม หน้าคณะวิทยาศาสตร์ หัวฟาดพื้น ตอนนี้อยู่ห้องฉุกเฉิน"

ประโยคสั้นๆ ประโยคเดียว.....
แล้วให้ทุกคนไปจินตนาการต่อเอาเอง
บางคนก็คิดว่ากูจะความจำเสื่อมละจ้ะ
บางคนนึกว่ากูเลือดอาบหัวละ
บางคนเตรียมของจะมาเยี่ยมกูละจ้ะ

#แหมมมมมใจเย็นๆนะจ้ะทุกคนนนนนน   ╮(╯3╰)╭

ส่วนคุณแฟนสุดที่รักน่ะหรอ ...
สติหลุดไปเลยจ้าาา  Σ(⊙▽⊙"a
รีบบึ่งจากบ้านมาหาที่รพ.เบยยยยยยยย

  └( ̄▽ ̄*)  อิทธิฤทธิ์ของคำพูดมันช่าง ...... โหดเหี้ยมจีจีเบย

แม่ให้การว่า "กำลังตกใจ เลยอธิบายไรไม่ถูก"
โถ ก็คุณพี่ที่มาช่วยก็พูดซะน่ากลัวมาก

ขณะที่สติเลือนลางได้ยินนางเอ่ยแว่วๆ ว่า
" ต้องเช็คสมองด้วยนะคะ เพราะว่าน้องเค้าหัวกระแทกพื้น @!#@##$#$"

#บลาบลาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา

สรุปตอนนี้อยู่บ้านนอนง่อยเป็นที่เรียบร้อยแล้นเด้อค่าาาาาา

(・ε・)ノ bye byeeee




.
.
.
.
.


จบบริบูรณ์ .

วันอังคารที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2555

Rest









.
.
.




"ฉันเหนื่อย"
  Many projects to do. I swear that 4th year student life is NOT easy.


.
.
.





live - life - die - alone

วันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2555

เรียนรู้ เข้าใจ ยอมรับ






อดีตที่เลวร้าย
มันไม่มีใครสามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้
ถ้าเลือกได้ เราเองก็คงไม่อยากทำแบบนั้นหรอก

เมื่อเวลาเปลี่ยนไป 
สภาพแวดล้อม การใช้ชีวิต ความคิด ก็เปลี่ยนตามไปด้วย

อย่างน้อยมันก็เป็นบทเรียน
ให้เราได้รู้ว่า ...


"ในปัจจุบันนี้ และ ในอนาคตข้างหน้า 
เราจะไม่ทำผิดพลาดเหมือนที่ผ่านมาอีก" 

ความคิดนี้จะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อตัวเราเอง 
คิดที่จะเรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีตนั้น
 เรียนรู้ เข้าใจ และยอมรับสิ่งที่ตัวเองเคยทำ

.
.
.







บางคนมีอดีตที่เลวร้าย แทบจะเป็นสีดำ (สำหรับเรา)
จนแทบจะไม่สามารถรับได้
บอกตรงๆว่า บางการกระทำก็หนักเกินกว่าที่จะรับไหว




ตาณไม่ได้คิดว่า ทำไมต้องมาบอกตาณ
ทำไมต้องมาเล่าอดีตแย่ๆที่เคยไปทำ ให้ตาณฟัง
ทำไมต้องมาทำให้ตาณรู้สึกแย่ กับเรื่องพวกนั้น
แต่ตาณกลับคิดว่า

"เค้ากำลังจะบอกอะไรตาณ จากการเล่าเรื่องพวกนั้น" (????)


อดีต มันเป็นสิ่งที่แก้ไขไม่ได้ แต่ปัจจุบัน มันเป็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
เราแก้ไขได้ และ ตัวเราก็บังคับได้ว่าจะให้มันเป็นยังไง
จะดำเนินชีวิต ของตัวเรา ไปในทิศทางไหน

ทุกสิ่งทุกอย่าง เกิดขึ้นเพราะ  ....
"ตัวเราเอง" ทั้งนั้นนะ
ไม่มีใครสามารถมาบังคับเราได้ ถูกมั้ย ?


จะขอมากไปไหม ...
แค่อยากขอให้ ไม่เกิด "ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย" กับอดีตที่ผ่านมา

เพราะถ้าหากมันเกิดขึ้นซ้ำอีก
นั่นแสดงว่า ตัวคุณเอง ไม่สามารถเรียนรู้อะไรเลยจากบทเรียนในอดีต
และ นั่นแสดงให้เห็นอีกว่า ตัวคุณเอง
ยินดี ยอมรับ และพึงพอใจกับอดีตนั้น จึงไม่คิดเปลี่ยนแปลง
พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น

.
.
.

นั่นก็ไม่ผิด ไม่มีใครผิดหรอก ความคิดของคนเราไม่เหมือนกัน
ต่ า ง ค น ต่ า ง มุ ม ม อ ง ตาณก็ไม่ได้บอกว่า ความคิดตาณถูก

ตาณจะไม่พูดว่า

"คนที่มีความคิด ไม่เหมือนเรานั้น เป็น ค ว า ม คิ ด ที่ ผิ ด"

ถ้าเรายอมรับความคิดของเค้าได้ และพร้อมจะไปด้วยกันได้
มันก็ไม่มีปัญหา แต่หากยอมรับ และเข้าใจไม่ได้ ก็ต้องถอยออกมา

เพราะอยู่ไปก็ไม่มีความสุข ,



คนเราเคยผิดพลาดได้ ... แต่มันอยู่ที่ว่า 
คนเหล่านั้นจะยอมรับ เข้าใจ และเรียนรู้ความผิดพลาดนั้นได้มั้ย


ถ้า คุณ ยอมรับ เรียนรู้ เข้าใจ อดีตของตัวเอง และพร้อมจะแก้ไข
เฝ้าระวัง ทำปัจจุบันให้ดี ทำทุกอย่าง อย่างมีสติ ไม่ให้สิ่งเลวร้ายนั้นเกิดขึ้นอีก
เรา ก็คง ไ ป ด้ ว ย กั น ไ ด้ .....
แต่ถ้าหาก " ไ ม่ " ก็ไม่เป็นไร
เราจะคิดซะว่า ครั้งหนึ่ง เราเคยได้ เรียนรู้
ปรับตัว เห็นสังคมใหม่ ประสบการณ์ชีวิตใหม่
จากใครคนหนึ่ง บนโลกนี้ :)


.
.
.
.



คนเราทุกคน ควรได้รับโอกาสนะ
ไม่ว่าจะเป็น โอกาสในการปรับตัว
โอกาสในการกลับตัว
โอกาสในการแก้ไขความผิดพลาด


ดูอย่างเรื่อง คนที่เคยติดคุก ติดยา พอเค้าบำบัดตัวเอง
ปรับปรุงตัวเองได้ แล้ว ... แต่คนในสังคม กลับมี " อ ค ติ" 
ไม่เปิดโอกาสให้เค้าได้กลับตัว ได้เริ่มต้นใหม่
ถ้าเลือกได้ เค้าคงไม่อยากทำแบบนั้นหรอกเนอะ
ถ้าคนในสังคมเปิดโอกาสให้ได้แก้ตัว
คนเหล่านั้น อาจเป็นคนที่ดี กว่าคนที่ไม่เคยทำผิดพลาดเลยก็ได้
เพราะเค้าได้เรียนรู้แล้วว่า ความผิดพลาดนั้น ใหญ่หลวงแค่ไหน

สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น
ตาณก็คิดเหมือนกัน ว่า คนเรามันไม่มีหรอก คนที่ดีทุกอย่าง
ไม่เคยทำไรผิดพลาดมาเลย สิ่งสำคัญคือเค้าเรียนรู้จากความผิดพลาดนั้นได้มั้ย


หนักใจเหมือนกัน แต่พอมาคิดว่า

"จะมีชีวิตอยู่เพื่อปัจจุบัน ทำปัจจุบันให้ดี
 อดีตที่มี ก็คือบทเรียนเท่านั้น และ จะก้าวต่อไป"

เรื่องที่ผ่านมา ที่ได้ยินมา ที่คุณเล่ามา
ก็ไม่ใช่ปัญหาหนักใจ อะไรของตาณอีกต่อไป
เพราะ ตาณสนใจที่ปัจจุบัน ทุกขณะที่กำลังหายใจแค่เท่านี้ ....



: ) 


แต่อย่าลืมนะว่า

"โอกาสมีไว้ให้กับคนที่คู่ควร , วันใดที่คุณไม่คู่ควรกับโอกาสนั้น
คุณก็จะไม่มีสิทธิได้แก้ไขอะไรอีกเลย  ถ้าวันนั้นมาถึง
ก็จงยอมรับ ผลของการกระทำทุกอย่างของตัวเองอย่างเต็มใจด้วย"


.
.
.
.
.



สุดท้ายนี้ .... 


มันคงไม่สำคัญว่าวันนั้น เธอเคยเจออะไรมา และทำอะไรมา
เพราะสิ่งที่สำคัญกว่านั้น คือ "วันนี้ , เราจะผ่านมันไปด้วยกันได้มั้ย?" :)

วันอาทิตย์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ความคิดเปลี่ยนชีวิต


"ความคิดเปลี่ยนชีวิต"

คำนี้มันมีอยู่จริง และเป็นจริง , ไม่เชื่อลองทำกันดูสิ



ในเวลาที่รู้สึกแย่ หรือต้องเจอกับความเศร้า
ที่มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ ....
มันก็ทำให้คิดนะ ว่า

ทำไมเราต้องมารู้สึกแย่ เศร้าเสียใจ แบบนี้
คนเดียวด้วยวะ ... โลกขี้โกงไปปะ?
ไม่เอาแล้ว ไม่เศร้าแล้วดีกว่า

เพราะจะบอกกับตัวเองเสมอ
ว่า

"จะไม่ยอมให้อะไรมาบั่นทอนความสุข และสิ่งดีๆที่ฉันมี
เด็ดขาด!"


.
.
.
.



เพื่อนหลายคนจะสังเกตุเห็นตาณเป็นประเภท
ตอนแรกๆเศร้าอยู่ดีๆ แล้วสักพัก เกรียนไปเลย
เฮฮาเปลี่ยนเรื่องไป.................

หลายคนคิดว่า ตาณแม่งเอาฮา บังความเศร้า เฉไฉ กลบเกลื่อน บลาบลาบลา

#สุดแต่พวกท่านจะคิดค่ะ  55555555555 




คือบางทีถ้าเครียดมาก มันฮาไม่ออก ก็ไม่ฮาอ่ะ ดราม่าเลยก็มี
แต่จะไม่อยู่กับความเศร้านาน นะ
ไม่อยากบั่นทอนตัวเอง ต้องให้กำลังใจตัวเอง

"เราจะผ่านเรื่องนี้ไปได้นะ"

ต้องมีความเชื่อ และความหวัง ว่าความเลวร้ายนี้จะต้องผ่านไป
จะช้าจะเร็ว ก็ขึ้นอยู่กับใจเราา เพราะ ทุกอย่างต้องใช้เวลา

ยิ่งรีบ ทุกอย่างยิ่งผ่านไปช้า ยิ่งทุกข์ นาน
ค่อยๆปล่อยให้มันเป็นไป ตามเวลา
และกฎของธรรมชาติ  .........

.
.
.


ไม่มีอะไรอยู่กับเรานานนักหรอก อยู่ที่ว่าเรา
จะเอาใจไปยึดติดกับสิ่งนั้นนานแค่ไหน ก็เท่านั้นเอง :)





การให้อภัยตัวเอง และให้อภัยคนอื่น ที่ทำให้เราทุกข์ เป็นความสุขที่สุด :D


-----------------------------------------------------------------------------


ในวันที่เศร้าที่สุด .....ให้นั่งคิดถึงสิ่งดีๆที่เรามี 
แล้วถามตัวเอง ว่าเราจะมานั่งเศร้าไปอีกทำไม? :):)

วันอาทิตย์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

สิ่งที่ได้จากการปิดตา

เรื่องนี้มันผุดขึ้นมา
ตอนที่กำลังนอนปิดตา ...มาร์คหน้าอยู่รมรวินทร์

ไม่น่าเชื่อ ...
แค่นอนมาร์คหน้า ยังจะคิดอะไรๆได้
555555 5'
.
.
.
.
เรื่องมีอยู่ว่า
พนักงานเอาสำลีชุบน้ำหมาดๆ มาปิดตาให้
จะได้ผ่อนคลายอะไรประมาณนั้น ,

แต่อยู่ดีๆ ตาณก็ ลืมตา ...
ภาพที่เห็น มัวเป็นสีขาวๆ เบลอๆ และมัว

ทำให้คิดได้ว่า

ในทุกความสัมพันธ์  '
ถ้าอยู่ใกล้กันมากไป ...
ก็จะทำให้เกิดความรู้สึกอึดอัด ...
จากอึดอัด ก็เริ่มรำคาญ สุดท้าย ก็ทะเลาะ และ แยกทาง

เพราะความที่มันใกล้มากเกินไป
บางทีเรื่องเล็กๆน้อย ก็กลายเป็นข้อเสียใหญ่ๆไปเลย (ทั้งๆที่เรื่องมันเล็กนิดเดียว)

เหมือนกับ ภาพเวลาที่มองของที่อยู่ใกล้ตา มากเกินไป
เบลอ
มัว
และไม่สวยงาม


ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้ว
ของชิ้นนั้น อาจจะสวยมาก ,
แต่เพราะมันใกล้เกินไป
จาก สวยงาม จึง กลายเป็น อัปลักษณ์ แทน*



แต่ในทางกลับกัน
ถ้าของสิ่งนั้น ... อยู่ในระยะ FOCUS ที่พอดีของสายตา
เราจะสามารถมองเห็น ความสวยงาม ของสิ่งนั้นได้อย่างชัดเจน
อาจไม่ใช่แค่ความสวยงาม เพียงอย่างเดียว
มันรวมไปถึง ความขัดแย้ง ความไม่สวยงาม ความทุเรศ
ของสิ่งนั้น .....


ใกล้ไป ก็อึดอัด - ไกล ไปก็ ห่างเหิน

อยู่ในระยะ FOCUS กันมั้ย ?
จะได้พอดี : )

วันพุธที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

มุมมอง

ได้คุยกับเพื่อน เมื่อไม่นาน
เพราะพอดีเข้าไปเห็น เพื่อนตั้ง status
ว่า ...

"คนเรานี่ก้แปลกเน๊าะ,
 ให้คำปรึกษาและสอนเรื่องความรักให้กับคนอื่นได้,
 แต่พอเปนตัวเองที่โดนบ้าง, กลับสอนตัวเองไม่ได้ (:"


ก็เลยมานั่งนึก
ว่าเออทำไมว้า มันถึงเป็นแบบนั้น

อาจเพราะว่า 
เวลาที่ปัญหาเกิดขึ้นกับเรา
ในปัญหาเหล่านั้น มันดันมี "  อารมณ์ และความรู้สึก "
ใส่ลงไปด้วย ....


ดังนั้น .... โลกของเราจึงแคบลง
มุมมอง แคบลง
วิธีหาทางออก แคบลง

ทำให้พลาด ประเด็นสำคัญ จุดเล็กๆน้อยๆ
 หรือ ทางออกดีๆ ไป
.
.
.
.


แต่กลับกัน พอเป็นเรื่องของคนอื่น
อารมณ์ร่วมมันมีน้อย
เหตุผลจะมีมากขึ้น
มุมมองจะกว้างขึ้น ... ทำให้เห็นอะไรดีๆ
ทางออกดีๆ ได้ไม่ยากเย็นนัก*



เพราะคำเพียง 2 คำ


"อารมณ์"


"ความรู้สึก"

2 คำสั้นๆ แต่ทำให้มุมมองคนเปลี่ยนไปได้
มากอย่างไม่น่าเชื่อ :)


การที่จะทำอะไร ตามอารมณ์มากไปก็ไม่ดี
มีเหตุผลจัด ก็อึดอัด ถ้าทุกอย่าง ... อยู่ในความพอดี

เราก็จะได้เห็นมุมมองที่กว้างขึ้น :)

แต่ที่ยากหน่อยคือ อารมณ์ กับ เหตุผล
มักไม่เป็นเพื่อนกันเท่าไหร่ ... มีอีกคน มักไม่มีอีกคน



"   ปรับ ทุกอย่าง ให้พอดี ... จะได้ไม่ต้องมานึกเสียใจทีหลัง "